เพจเลี่ยงเชียง เพจธรรมะ ธรรมทาน เพจสร้างบุญ Line@MAKEBOON || makeboon2018@gmail.com
เรื่องปลาชื่อกปิล (น. 7-9)
ตัณหา ดุจเถาย่านทราย ย่อมเจริญแก่คนผู้มีปกติประพฤติประมาท.
เขาย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยใหญ่ ดังวานรตัวปรารถนาผลไม้อยู่โลดไปในป่า ฉะนั้น.
ตัณหานั่นเป็นธรรมชาติลามก มักแผ่ซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ในโลก
ย่อมครอบงำบุคคลใดได้,
ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น,
ดุจหญ้าคมบางอันฝนตกรดแล้วเจริญอยู่ ฉะนั้น,
แต่ผู้ใด ย่อมย่ำยีตัณหานั่นซึ่งเป็นธรรมชาติลามก
ยากที่ใครในโลกจะล่วงไปได้,
ความโศกทั้งหลาย ย่อมตกไปจากผู้นั้น
เหมือนหยาดน้ำตกไปจากใบบัว ฉะนั้น.
เพราะฉะนั้น เราบอกกะท่านทั้งหลายว่า
ความเจริญจงมีแก่ท่านทั้งหลาย บรรดาที่ประชุมกันแล้ว
ประหนึ่งผู้ต้องการแฝก ขุดหญ้าคมบางเสีย ฉะนั้น,
มารอย่าระรานท่านทั้งหลายบ่อย ๆ
ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อ ฉะนั้น.
บุคคลนั้นคือผู้เป็นไปในคติแห่งตัณหา ย่อมเร่ร่อนคือแล่นไปในภพน้อยใหญ่.
ถามว่า "เขาย่อมเร่ร่อนไปเหมือนอะไร ?"
แก้ว่า "เหมือนวานรตัวปรารถนาผลไม้ โลดไปในป่าฉะนั้น."
อธิบายว่า
วานรเมื่อปรารถนาผลไม้ ย่อมโลดไปในป่า, มันจับกิ่งไม้นั้น ๆ ปล่อยกิ่งนั้นแล้ว
จับกิ่งอื่น, ปล่อยกิ่งแม้นั้นแล้ว จับกิ่งอื่น ย่อมไม่ถึงความเป็นสัตว์ที่บุคคล
ควรกล่าวได้ว่า "มันไม่ได้กิ่งไม้จึงนั่งเจ่าแล้ว" ฉันใด;
บุคคลผู้เป็นไปในคติแห่งตัณหา ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เร่รอนไปสู่ภพน้อยภพใหญ่
ย่อมไม่ถึงความเป็นผู้ที่ใคร ๆ ควรพูดได้ว่า
"เขาไม่ได้อารมณ์แล้ว จึงถึงความไม่เป็นไปตามความทะเยอทะยาน."